ตลาดยานยนต์ไทยกำลังเปลี่ยนไป! ระหว่าง รถยนต์สันดาป (ICE) ที่คุ้นเคย, รถไฮบริด (HEV) สุดประหยัด, และ รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) แห่งอนาคต คุณจะเลือกคันไหน? บทความนี้จะพาคุณไป เปรียบเทียบรถยนต์ ทั้ง 3 ประเภทแบบ
รถยนต์สันดาปภายใน (ICE: Internal Combustion Engine)

รถยนต์แบบดั้งเดิมที่ใช้ เครื่องยนต์สันดาปภายใน ในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว หลักการทำงานพื้นฐานคือการเปลี่ยนพลังงานเคมีที่สะสมอยู่ในเชื้อเพลิง (เช่น น้ำมันเบนซินหรือดีเซล) ให้เป็นพลังงานกล โดยการผสมเชื้อเพลิงกับอากาศแล้วจุดระเบิดภายในกระบอกสูบ การระเบิดนี้จะสร้างแรงดันสูงผลักลูกสูบให้เคลื่อนที่ และพลังงานจากการเคลื่อนที่นี้จะถูกส่งไปยังเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานหมุนที่ใช้ในการขับเคลื่อนล้อรถยนต์
จุดเด่น:
- เป็นเทคโนโลยีที่คุ้นเคยและพัฒนามาอย่างยาวนาน.
- มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอย่างสมบูรณ์ ทั้งสถานีบริการน้ำมันและศูนย์ซ่อมบำรุงที่หาได้ง่ายทั่วไป.
ข้อสังเกต:
- จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาตามระยะอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง.
- มีการสูญเสียพลังงานไปกับความร้อนและแรงเสียดทานโดยเปล่าประโยชน์.
รถยนต์ไฮบริด (HEV: Hybrid Electric Vehicle)
รถยนต์ HEV หรือที่เรียกกันติดปากว่า “รถไฮบริด” เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า รถประเภทนี้จะมีทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง นอกจากนี้รถไฮบริดยังแบ่งได้อีก เช่น Full Hybrid ที่สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ในระยะทางสั้นๆและ Mild Hybrid (MHEV) ที่มอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์เป็นหลักเท่านั้น
จุดเด่น:
- ประหยัดน้ำมันกว่ารถยนต์สันดาปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่รถจะสลับไปใช้มอเตอร์ไฟฟ้า
- กำลังเสริมจากมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยลดอาการรอรอบของเครื่องยนต์
ข้อสังเกต:
- มีระบบที่ซับซ้อนกว่าเพราะต้องดูแลทั้งเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าไปพร้อมกัน
- ยังใช้เครื่องยนต์สันดาปอยู่ จึงยังมีการปล่อยมลพิษอยู่บ้าง แม้จะน้อยกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไปก็ตาม
รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV: Battery Electric Vehicle)
รถยนต์ไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE)เข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย ทำให้เป็นรถยนต์ที่ “ไร้มลพิษ” ที่ท่อไอเสียโดยตรง (Zero Tailpipe Emissions)ระบบจะดึงพลังงานไฟฟ้าที่เก็บไว้ใน แบตเตอรี่ ก้อนใหญ่ ส่งผ่านอุปกรณ์แปลงกระแสไฟที่เรียกว่า อินเวอร์เตอร์ ไปยัง มอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อใช้ในการหมุนล้อและขับเคลื่อนรถยนต์โดยตรง
จุดเด่น:
- มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถสร้างแรงบิดได้ทันที ทำให้อัตราเร่งรวดเร็วทันใจและตอบสนองได้ดีกว่า
- ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% จึงไม่มีการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียโดยตรง (Zero Tailpipe Emissions) ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ข้อสังเกต:
- การชาร์จไฟใช้เวลานานกว่าการเติมน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ ต้องมีการวางแผนเรื่องจุดแวะชาร์จอย่างรอบคอบ
- การเปลี่ยนแบตเตอรี่ซึ่งมีราคาสูงมาก หากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพหลังหมดระยะเวลารับประกัน
การเลือกรถยนต์ในยุคนี้ไม่ได้มีแค่คำตอบเดียว แต่ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ งบประมาณ และความสะดวกในการใช้งานของแต่ละบุคคล การตัดสินใจซื้อรถคือการเลือกระหว่างข้อดีข้อเสียที่ชัดเจน จึงขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับปัจจัยใดมากที่สุด