TAG: ความรู้เรื่องรถ

Aftermarket

ต่อ พ.ร.บ. กับ ภาษีรถยนต์ ต่างกันอย่างไร?

สำหรับเจ้าของรถทุกคน การต่อ “พ.ร.บ.” และ “ภาษีรถยนต์” เป็นหน้าที่ที่ต้องทำเป็นประจำทุกปีแต่หลายคนอาจยังสับสนว่าทั้งสองอย่างนี้คือสิ่งเดียวกันหรือไม่ มีความแตกต่างกันอย่างไรบทความนี้จะมาสรุปความแตกต่างที่สำคัญให้เข้าใจง่ายๆ พร้อมข้อมูลอัปเดตล่าสุดปี 2568 พ.ร.บ. (ประกันภัยภาคบังคับ) – คุ้มครอง “คน” พ.ร.บ.ย่อมาจาก พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ประกันภัยภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดให้รถยนต์ทุกคันต้องทำ โดยจะให้ความคุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพแก่ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก โดยต่ออายุทุกปี หากไม่ทำจะมีโทษปรับและไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ สิ่งที่ได้รับเป็นหลักฐาน: “กรมธรรม์ พ.ร.บ.” ซึ่งเป็นเอกสารที่ออกโดยบริษัทประกันภัย ภาษีรถยนต์ประจำปี (ป้ายภาษี) – สำหรับ “รถ” ภาษีที่เจ้าของรถทุกคนมีหน้าที่ต้องชำระให้กับภาครัฐเป็นรายปี เพื่อเป็นค่าธรรมเนียมในการใช้รถยนต์บนถนนสาธารณะโดยเงินภาษีจะถูกนำไปใช้ในการบำรุงรักษาและพัฒนาถนน สะพาน รวมถึงระบบคมนาคมต่างๆ ของประเทศ มีอายุการใช้งา

Aftermarket

รถป้ายแดงใช้ได้กี่วัน? อัปเดตล่าสุด 2568 พร้อมข้อควรรู้ก่อนเปลี่ยนเป็นป้ายขาว

หนึ่งในคำถามแรกๆ ที่เจ้าของรถป้ายแดงทุกคนสงสัยคือ “เราจะใช้ป้ายแดงได้กี่วัน?”และเมื่อไหร่ถึงจะได้ป้ายขาวมาใช้งาน บทความนี้มีคำตอบที่ชัดเจนตามกฎหมายล่าสุดปี 2568 พร้อมสรุปข้อจำกัดและขั้นตอนที่สำคัญที่คุณไม่ควรพลาด กฎหมายกำหนด “ป้ายแดง” ใช้ได้ไม่เกิน 30 วัน ตามกฎหมายแล้ว รถป้ายแดงสามารถใช้งานได้ ไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่รับรถ หรือตามระยะทางที่กำหนดไว้ในสมุดคู่มือไม่เกิน 3,000 กิโลเมตร ภายในระยะเวลา 30 วันนี้ เจ้าของรถหรือศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถยนยต์ (ดีลเลอร์) จะต้องดำเนินการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกให้เรียบร้อยเพื่อรับ “ป้ายขาว” หรือป้ายทะเบียนถาวรมาใช้งาน การใช้ป้ายแดงเกินกว่ากำหนดเวลาดังกล่าวถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ข้อจำกัดสำคัญที่ผู้ใช้รถป้ายแดง “ต้องรู้” การใช้ป้ายแดงไม่ได้ให้อิสระเหมือนป้ายขาว แต่มีข้อจำกัดที่สำคัญ 3 ประการที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด: ห้ามขับขี่ตอนกลางคืน: รถป้ายแดงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานบนท้องถนนระหว่างเวลาโดยทั่วไปคือหลัง 18:00 น. ถึงก่อน 06:00 น.เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าหน้าที่ ห้ามขับข

ACDelco

ICE, HEV และ BEV เปรียบเทียบรถยนต์ 3 แบบ คันไหนเหมาะกับคุณ?

ตลาดยานยนต์ไทยกำลังเปลี่ยนไป! ระหว่าง รถยนต์สันดาป (ICE) ที่คุ้นเคย, รถไฮบริด (HEV) สุดประหยัด, และ รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) แห่งอนาคต คุณจะเลือกคันไหน? บทความนี้จะพาคุณไป เปรียบเทียบรถยนต์ ทั้ง 3 ประเภทแบบ รถยนต์สันดาปภายใน (ICE: Internal Combustion Engine) รถยนต์แบบดั้งเดิมที่ใช้ เครื่องยนต์สันดาปภายใน ในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว หลักการทำงานพื้นฐานคือการเปลี่ยนพลังงานเคมีที่สะสมอยู่ในเชื้อเพลิง (เช่น น้ำมันเบนซินหรือดีเซล) ให้เป็นพลังงานกล โดยการผสมเชื้อเพลิงกับอากาศแล้วจุดระเบิดภายในกระบอกสูบ การระเบิดนี้จะสร้างแรงดันสูงผลักลูกสูบให้เคลื่อนที่ และพลังงานจากการเคลื่อนที่นี้จะถูกส่งไปยังเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานหมุนที่ใช้ในการขับเคลื่อนล้อรถยนต์ จุดเด่น: เป็นเทคโนโลยีที่คุ้นเคยและพัฒนามาอย่างยาวนาน. มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอย่างสมบูรณ์ ทั้งสถานีบริการน้ำมันและศูนย์ซ่อมบำรุงที่หาได้ง่ายทั่วไป. ข้อสังเกต: จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาตามระยะอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง. มีการสูญเสียพลังงานไปกับความร้อนและแรงเสียดทานโดยเปล่าประโยชน์. รถยนต์ไฮบริด (HEV: Hybrid Elec

BREMBO

เบรกเฟด (Brake Fade) คืออะไร อันตรายแค่ไหน

เบรกเฟด (Brake Fade) อาการที่ระบบเบรกของรถยนต์สูญเสียประสิทธิภาพในการทำงานหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “เบรกไม่อยู่” หรือ “เบรกจม” ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายอย่างยิ่งเพราะทำให้ระยะเบรกไกลขึ้นกว่าปกติ หรือในกรณีที่รุนแรงอาจไม่สามารถชะลอหรือหยุดรถได้เลยแม้จะเหยียบแป้นเบรกสุดแล้วก็ตาม อาการเบรกเฟดเป็นอย่างไร? เหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าแป้นเบรกจมลึกกว่าปกติ ต้องออกแรงเหยียบเบรกมากขึ้น เหยียบเบรกแล้วรถไม่ค่อยอยู่ รู้สึกว่ารถลื่นไถลไปข้างหน้ามากกว่าปกติ ได้กลิ่นไหม้ บริเวณล้อรถ ซึ่งเกิดจากความร้อนสูงของผ้าเบรกและจานเบรก อันตรายแค่ไหน? การเกิดเบรกเฟดหมายถึงการสูญเสียการควบคุมรถยนต์ในการหยุดรถ สถานการณ์ที่มักเกิดเบรกเฟด ได้แก่ ขณะขับรถลงเขาหรือทางลาดชันเป็นเวลานาน: การใช้เบรกอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความร้อนสะสมสูง การเบรกกะทันหันด้วยความเร็วสูง: ทำให้ระบบเบรกต้องรับภาระหนักในทันที การบรรทุกของหนักเกินพิกัด: ทำให้ระบบเบรกต้องทำงานหนักขึ้นกว่าปกติ สาเหตุหลักของอาการเบรกเฟด     1.เฟดจากผ้าเบรกและจานเบรก (Friction Fade): เกิดจากการเสียดสีระหว่างผ้าเบรกและจานเบรกอย่างรุนแรงและต่อเนื่

ACDelco

วิธีเลือกเกียร์รถ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์รถติดไฟแดง

การเลือกเกียร์ให้เหมาะกับสถานการณ์รถติดไฟแดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจราจรในเมือง การจอดติดไฟแดงบ่อย หยุดนิ่งนานๆ หรือขยับแบบช้าๆ ต้องใช้เกียร์อย่างไรถึงจะดีต่อระบบเกียร์และช่วยยืดอายุรถ วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกัน กรณีหยุดรถไม่นาน (ประมาณไม่เกิน 1 นาที) เกียร์ D (Drive) เหมาะสำหรับการหยุดชั่วคราว เช่น รถติดไฟแดงไม่เกิน 1 นาที หรือจราจรเคลื่อนตัวช้า ๆ สลับหยุดเป็นช่วง ๆ ให้เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรกค้างไว้ได้เลย โดยไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย ๆ เพื่อถนอมระบบเกียร์และลดความสึกหรอ กรณีหยุดรถนาน (มากกว่า 1 นาทีขึ้นไป) เกียร์ N (Neutral) ควรเปลี่ยนไปใช้เกียร์ว่าง พร้อมดึงเบรกมือขึ้น เพื่อป้องกันรถไหลและลดภาระของระบบเกียร์ การใช้เกียร์ N ช่วยลดความร้อนสะสมในชุดเกียร์ และช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้เกียร์ P (Park) ขณะรถยังติดเครื่องและหยุดนิ่ง เพราะเกียร์ P มีระบบล็อกชุดเกียร์ไว้หากเปลี่ยนเกียร์ P ขณะรถยังเคลื่อนที่อยู่ อาจทำให้ระบบเกียร์เสียหายได้ การใช้เกียร์ P (Park) ใช้เฉพาะตอนจอดรถดับเครื่องยนต์ หรือจอดบนทางลาดชันเพื่อป้องกันรถไหล ไม่ควรใช้เกียร์ P ขณะรถยังติดเครื่องและหยุดนิ่งบนถนน

Knowledge

ระยะเวลาที่ควรเปลี่ยนอะไหล่แต่ละประเภท

เมื่อเราใช้รถยนต์ไปสักระยะหนึ่งก็จะมีการเสื่อมสภาพของอะไหล่ ดังนั้นเพื่อการขับขี่ที่ความปลอดภัยเราควรเปลี่ยนอะไหล่เมื่อครบอายุการใช้งาน ถึงแม้อะไหล่เหล่านั้นยังไม่พังก็ตาม น้ำมันเครื่อง / ไส้กรองน้ำมัน หน้าที่ของน้ำมันส่วนนี้ คือ ช่วยให้ชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์เกิดการหล่อลื่นทำงานได้อย่างไม่ขัดข้อง โดยระยะการเปลี่ยนถ่ายจะอยู่ที่ระยะทาง 5,000 – 20,000 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับประเภทน้ำมันที่เลือกใช้) หรือถ้าหากสังเกตเห็นว่าน้ำมันเปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อไหร่นั่นแปลว่าน้ำมันเสื่อมสภาพไปเรียบร้อยแล้ว เราควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องโดยทันที   แบตเตอรี่ ทั้งแบบแห้งและเปียก โดยแบตเตอรี่แบบแห้งอาจจะเหมาะกับคนลุยๆ ดูแลน้อยไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแต่ว่าจะมีราคาแพงมากกว่าแบตเตอรี่เปียก ส่วนแบตเตอรี่แบบเปียกจะต้องคอยเติมน้ำกลั่นให้พอดีอยู่เสมอ แนะนำให้ตรวจเช็คและสังเกตตลอด 1 เดือนจะดีที่สุด โดยอายุการใช้งานแบตเตอรี่แบบเปียกจะอยู่ที่ 2-3 ปี   ไส้กรองอากาศ ไส้กรองตัวนี้มีหน้าที่ในการกรองสิ่งแปลกปลอมที่ลอยมากับอากาศไม่ให้หลุดเข้าไปภายในเครื่องยนต์ของรถ ซึ่งถ้าหากหลุดเข้าไปแล้วอาจจะส่งผลให้

ค้นหา:

More Posts