TAG: ความรู้/เทคนิค

Knowledge

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใช้ได้กี่ปี? ค่าเปลี่ยนเท่าไหร่? สรุปครบจบที่เดียว

หนึ่งในคำถามที่คนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กังวลอันดับต้นๆ คือเรื่องของ “แบตเตอรี่” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญและเป็นชิ้นส่วนที่มีราคาสูงที่สุดของรถ แม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อยืดอายุการใช้งานและลดความเสื่อมของแบตเตอรี่ คำถามหลักๆ หนีไม่พ้น “แบตเตอรี่ EV มีอายุการใช้งานจริงกี่ปี?” และ “ถ้าหากต้องเปลี่ยน ราคาเท่าไหร่?” อายุการใช้งานและประเภทของแบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า EV สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ แบตเตอรี่ EV ไม่ได้ “เสีย” แบบทันทีทันใดเหมือนแบตเตอรี่ 12V แต่จะ “เสื่อมสภาพ”ตามเวลาและการใช้งาน ซึ่งหมายถึงความสามารถในการเก็บประจุไฟฟ้าจะค่อยๆ ลดลง ประเภทของแบตเตอรี่ 1. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion Battery) เป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูง น้ำหนักเบา และมีความหนาแน่นของพลังงาน โดยหลักๆ มี 2 ประเภท ได้แก่ แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (LFP – Lithium Iron Phosphate) อายุการใช้งาน: 3,000 – 4,000 รอบชาร์จหรือประมาณ 10-15 ปี จุดเ

Knowledge

ฤกษ์ออกรถใหม่เดือนพฤศจิกายน ปี 2568

ออกรถวันไหนดี? เรื่องของฤกษ์งามยามดี วันมงคลต่าง ๆ นั้น เป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องการออกรถหรือซื้อรถใหม่ ซึ่งว่าที่เจ้าของรถยนต์ป้ายแดงหลายคนให้ความสำคัญกับฤกษ์ออกรถอย่างมากเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเอง ทั้งนี้ฤกษ์ออกรถตามความเชื่อช่วยเสริมดวงด้านใดบ้างนั้นแต่ละความเชื่อก็อาจแตกต่างกัน แต่เรียกได้ว่า “ฤกษ์ออกรถ” เป็นเหมือนตัวช่วยสร้างขวัญกำลังใจสำหรับผู้ซื้อรถใหม่มากกว่า และในวันนี้จะขอมาอัปเดตฤกษ์วันออกรถเดือนพฤศจิกายน 2568 ให้ได้ทราบว่าควรออกรถวันไหนดีในเดือนนี้ ช่วยให้เฮงตลอดปี แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง จะมีวันไหนบ้างตามมาดูกันเลย วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ฤกษ์มงคล: ตรงกับวันชัยโชค (วันแห่งชัยชนะ ความสำเร็จ)  ช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงเช้า 08.09 -10.49 น. ช่วงบ่าย 13.09 -15.09 น ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีใช้ ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ควรหลีกเลี่ยง วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ฤกษ์มงคล: ตรงกับวันสิทธิโชค (วันแห่งความสำเร็จสมหวัง) ช่วงเช้า 08.09 -09.49 น. ช่วงบ่าาย 13.09 -15.09 น ห้ามคนเกิดวันพุธ(กลางวัน)ใช้ ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ควรหลีกเลี่ยง ว

Aftermarket

ต่อ พ.ร.บ. กับ ภาษีรถยนต์ ต่างกันอย่างไร?

สำหรับเจ้าของรถทุกคน การต่อ “พ.ร.บ.” และ “ภาษีรถยนต์” เป็นหน้าที่ที่ต้องทำเป็นประจำทุกปีแต่หลายคนอาจยังสับสนว่าทั้งสองอย่างนี้คือสิ่งเดียวกันหรือไม่ มีความแตกต่างกันอย่างไรบทความนี้จะมาสรุปความแตกต่างที่สำคัญให้เข้าใจง่ายๆ พร้อมข้อมูลอัปเดตล่าสุดปี 2568 พ.ร.บ. (ประกันภัยภาคบังคับ) – คุ้มครอง “คน” พ.ร.บ.ย่อมาจาก พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ประกันภัยภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดให้รถยนต์ทุกคันต้องทำ โดยจะให้ความคุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพแก่ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก โดยต่ออายุทุกปี หากไม่ทำจะมีโทษปรับและไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ สิ่งที่ได้รับเป็นหลักฐาน: “กรมธรรม์ พ.ร.บ.” ซึ่งเป็นเอกสารที่ออกโดยบริษัทประกันภัย ภาษีรถยนต์ประจำปี (ป้ายภาษี) – สำหรับ “รถ” ภาษีที่เจ้าของรถทุกคนมีหน้าที่ต้องชำระให้กับภาครัฐเป็นรายปี เพื่อเป็นค่าธรรมเนียมในการใช้รถยนต์บนถนนสาธารณะโดยเงินภาษีจะถูกนำไปใช้ในการบำรุงรักษาและพัฒนาถนน สะพาน รวมถึงระบบคมนาคมต่างๆ ของประเทศ มีอายุการใช้งา

Aftermarket

รถป้ายแดงใช้ได้กี่วัน? อัปเดตล่าสุด 2568 พร้อมข้อควรรู้ก่อนเปลี่ยนเป็นป้ายขาว

หนึ่งในคำถามแรกๆ ที่เจ้าของรถป้ายแดงทุกคนสงสัยคือ “เราจะใช้ป้ายแดงได้กี่วัน?”และเมื่อไหร่ถึงจะได้ป้ายขาวมาใช้งาน บทความนี้มีคำตอบที่ชัดเจนตามกฎหมายล่าสุดปี 2568 พร้อมสรุปข้อจำกัดและขั้นตอนที่สำคัญที่คุณไม่ควรพลาด กฎหมายกำหนด “ป้ายแดง” ใช้ได้ไม่เกิน 30 วัน ตามกฎหมายแล้ว รถป้ายแดงสามารถใช้งานได้ ไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่รับรถ หรือตามระยะทางที่กำหนดไว้ในสมุดคู่มือไม่เกิน 3,000 กิโลเมตร ภายในระยะเวลา 30 วันนี้ เจ้าของรถหรือศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถยนยต์ (ดีลเลอร์) จะต้องดำเนินการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกให้เรียบร้อยเพื่อรับ “ป้ายขาว” หรือป้ายทะเบียนถาวรมาใช้งาน การใช้ป้ายแดงเกินกว่ากำหนดเวลาดังกล่าวถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ข้อจำกัดสำคัญที่ผู้ใช้รถป้ายแดง “ต้องรู้” การใช้ป้ายแดงไม่ได้ให้อิสระเหมือนป้ายขาว แต่มีข้อจำกัดที่สำคัญ 3 ประการที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด: ห้ามขับขี่ตอนกลางคืน: รถป้ายแดงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานบนท้องถนนระหว่างเวลาโดยทั่วไปคือหลัง 18:00 น. ถึงก่อน 06:00 น.เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าหน้าที่ ห้ามขับข

Aftermarket

จานเบรกขึ้นสนิมแล้ว มีปัญหากับการใช้งานหรือไม่?

คราบสนิมสีส้มบนจานเบรกหลังโดนความชื้นเป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อย แต่สนิมนั้นมีทั้งแบบที่ไม่อันตรายและแบบที่ต้องรีบแก้ไข2 ประเภทหลัก เพื่อให้คุณรู้ว่าแบบไหนปลอดภัย และแบบไหนคือสัญญาณเตือนว่าต้องนำรถเข้าตรวจสอบ 1.สนิมผิวหน้า หากเป็นสนิมที่หน้าผิวจานเบรกเล็กน้อย ไม่มีผลต่อการใช้งาน เมื่อคุณขับรถ และแตะเบรกในครั้งแรกๆ ผิวหน้าที่เป็นสนิมก็จะถูกขัดออกด้วยแรงเสียดสีจากผ้าเบรก ซึ่งทำให้จานเบรกกลับมาเรียบเงาได้เองหลังจากใช้งานไม่กี่ครั้งสนิมชนิดนี้จึงเป็นเรื่องปกติและไม่น่ากังวล 2.สนิมลึก / สนิมขุม แต่หากเป็นสนิมที่ผิวหน้าจานเบรก หนาหรือลึก จนกินเข้าไปในเนื้อจานเบรก อาจทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น เสียงเบรกดัง,ประสิทธิภาพการเบรกลดลง, ผ้าเบรกสึกไม่สม่ำเสมอ, และอาการเบรกสั่นสู้เท้า เป็นต้น สนิมชนิดนี้มักเกิดจากการจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน และเป็นปัญหาด้านความปลอดภัยที่ควรได้รับการแก้ไขทันที วิธีป้องกัน การใช้เบรกเป็นประจำ เพราะช่วยขัดผิวหน้าจานเบรกให้สะอาดอยู่เสมอ จอดรถในที่ร่มและแห้ง ช่วยลดการสัมผัสกับฝนและความชื้นโดยตรง หลีกเลี่ยงการฉีดน้ำมันหรือสารหล่อลื่น บนจานเบรกเพราะจะทำให้ผิวลื่นและลดประสิทธิภาพเบ

Aftermarket

เบรกสั่นสู้เท้า เกิดจากสาเหตุอะไร…?

เคยไหม? เวลาเหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าแป้นเบรกสั่นกระพือสู้เท้า หรือบางครั้งอาจสั่นสะท้านไปถึงพวงมาลัย อาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนที่เรียกว่า “เบรกสั่น” หรือ “Brake Judder” เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบเบรกที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยได้ ส่วนใหญ่เกิดจาก จานเบรกคดหรือผิดรูป สาเหตุที่ทำให้จานเบรกคดหรือผิดรูป   1.การทนความร้อนของวัสดุ จานเบรกที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน อาจไม่สามารถทนทานต่อความร้อนสูงที่เกิดจากการเบรกหนักๆหรือการขับขี่ในเส้นทางลงเขาต่อเนื่องยาวนานได้ ทำให้เนื้อเหล็กเกิดการบิดตัวเสียรูปทรง 2.การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลัน จานเบรกที่ร้อนจัดโดนน้ำเย็นทันที ทำให้เนื้อเหล็กบิดตัวผิดรูป เกิดการหดและขยายตัวอย่างรวดเร็วและไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้จานเบรกบิดเบี้ยว สามารถแก้ไขชั่วคราวได้ด้วยการเจียรจาน วิธีการแก้ปัญหา 1.การเจียรจานเบรก  เป็นวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่ใช้ปรับผิวหน้าของจานเบรกให้เรียบเสมอกัน อย่างไรก็ตามสามารถแก้ไขใช้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น การเจียรจะไม่สามารถแก้ไขอาการเบรกสั่นได้อย่างถาวร และอาจส่งผลให้จานหมดอายุการใช้งานเร็วขึ้

ACDelco

ICE, HEV และ BEV เปรียบเทียบรถยนต์ 3 แบบ คันไหนเหมาะกับคุณ?

ตลาดยานยนต์ไทยกำลังเปลี่ยนไป! ระหว่าง รถยนต์สันดาป (ICE) ที่คุ้นเคย, รถไฮบริด (HEV) สุดประหยัด, และ รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) แห่งอนาคต คุณจะเลือกคันไหน? บทความนี้จะพาคุณไป เปรียบเทียบรถยนต์ ทั้ง 3 ประเภทแบบ รถยนต์สันดาปภายใน (ICE: Internal Combustion Engine) รถยนต์แบบดั้งเดิมที่ใช้ เครื่องยนต์สันดาปภายใน ในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว หลักการทำงานพื้นฐานคือการเปลี่ยนพลังงานเคมีที่สะสมอยู่ในเชื้อเพลิง (เช่น น้ำมันเบนซินหรือดีเซล) ให้เป็นพลังงานกล โดยการผสมเชื้อเพลิงกับอากาศแล้วจุดระเบิดภายในกระบอกสูบ การระเบิดนี้จะสร้างแรงดันสูงผลักลูกสูบให้เคลื่อนที่ และพลังงานจากการเคลื่อนที่นี้จะถูกส่งไปยังเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานหมุนที่ใช้ในการขับเคลื่อนล้อรถยนต์ จุดเด่น: เป็นเทคโนโลยีที่คุ้นเคยและพัฒนามาอย่างยาวนาน. มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอย่างสมบูรณ์ ทั้งสถานีบริการน้ำมันและศูนย์ซ่อมบำรุงที่หาได้ง่ายทั่วไป. ข้อสังเกต: จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาตามระยะอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง. มีการสูญเสียพลังงานไปกับความร้อนและแรงเสียดทานโดยเปล่าประโยชน์. รถยนต์ไฮบริด (HEV: Hybrid Elec

BREMBO

เบรกเฟด (Brake Fade) คืออะไร อันตรายแค่ไหน

เบรกเฟด (Brake Fade) อาการที่ระบบเบรกของรถยนต์สูญเสียประสิทธิภาพในการทำงานหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “เบรกไม่อยู่” หรือ “เบรกจม” ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายอย่างยิ่งเพราะทำให้ระยะเบรกไกลขึ้นกว่าปกติ หรือในกรณีที่รุนแรงอาจไม่สามารถชะลอหรือหยุดรถได้เลยแม้จะเหยียบแป้นเบรกสุดแล้วก็ตาม อาการเบรกเฟดเป็นอย่างไร? เหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าแป้นเบรกจมลึกกว่าปกติ ต้องออกแรงเหยียบเบรกมากขึ้น เหยียบเบรกแล้วรถไม่ค่อยอยู่ รู้สึกว่ารถลื่นไถลไปข้างหน้ามากกว่าปกติ ได้กลิ่นไหม้ บริเวณล้อรถ ซึ่งเกิดจากความร้อนสูงของผ้าเบรกและจานเบรก อันตรายแค่ไหน? การเกิดเบรกเฟดหมายถึงการสูญเสียการควบคุมรถยนต์ในการหยุดรถ สถานการณ์ที่มักเกิดเบรกเฟด ได้แก่ ขณะขับรถลงเขาหรือทางลาดชันเป็นเวลานาน: การใช้เบรกอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความร้อนสะสมสูง การเบรกกะทันหันด้วยความเร็วสูง: ทำให้ระบบเบรกต้องรับภาระหนักในทันที การบรรทุกของหนักเกินพิกัด: ทำให้ระบบเบรกต้องทำงานหนักขึ้นกว่าปกติ สาเหตุหลักของอาการเบรกเฟด     1.เฟดจากผ้าเบรกและจานเบรก (Friction Fade): เกิดจากการเสียดสีระหว่างผ้าเบรกและจานเบรกอย่างรุนแรงและต่อเนื่

ค้นหา:

More Posts