รับมือปัญหาน้ำท่วม: 6 วิธีขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย
ระดับน้ำที่ปลอดภัยสำหรับรถแต่ละประเภท
- รถยนต์เล็กและรถเก๋ง: ระดับน้ำไม่เกิน 60 ซม.
- รถใต้ท้องสูง (รถกระบะและรถ PPV): ระดับน้ำไม่เกิน 80 ซม.
6 วิธีขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย
ปิดแอร์ทันที
- หากเปิดแอร์ไว้ พัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำจะทำงาน เมื่อเจอน้ำท่วม ตัวพัดลมจะตีน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง อาจทำให้ไฟช็อตและรถดับ อีกทั้งยังเสี่ยงใบพัดลมหัก
ใช้เกียร์ต่ำ
- หากเป็นเกียร์ธรรมดา ให้ใช้เกียร์ 1-2 เพราะรถต้องใช้แรงในการฝ่าน้ำ ส่วนเกียร์อัตโนมัติ ให้ปรับมา L (Low) ไว้เสมอ
- เคลื่อนรถเรื่อย ๆ ไม่ขับเร็ว
- เลี้ยงรถให้ขยับเรื่อย ๆ ไม่ขับเร็ว เพราะน้ำเคลื่อนกระแทกฟุตบาท ย้อนกลับเข้ารถ ที่สำคัญห้ามจอดนิ่งแช่น้ำนาน
ตามรถคันหน้า
- ตามเส้นทางคันหน้าและตามชิดคันหน้าให้มากที่สุดแบบปลอดภัย เพราะรถฝ่าน้ำท่วมจะวิ่งช้า การตามคันหน้าถือว่าปลอดภัยจากหลุม-บ่อใต้น้ำ และรถคันหน้าจะแหวกน้ำให้
สิ่งที่ควรทำเมื่อผ่านระยะลุยน้ำแล้ว
เหยียบเบรคย้ำ ๆ
- เหยียบเบรคย้ำ ๆ ไล่น้ำออกจากคาลิปเปอร์-ผ้าเบรค และเป็นการเช็คระบบว่ายังใช้งานได้ปกติ
ห้ามดับเครื่องทันที
- หากจะจอดเช็ครถหลังเพิ่งลุยเสร็จ ห้ามดับเครื่องทันที เพราะต้องระวังน้ำที่ค้างในห้องเครื่องและท่อไอเสีย หากดับเครื่องทันที อาจมีน้ำที่ค้างในท่อย้อนเข้ามาได้
การขับรถลุยน้ำท่วมเป็นเรื่องที่เสี่ยง หากรถดับกลางน้ำ ไม่ควรสตาร์ทรถกลางน้ำอีก เพราะน้ำจะย้อนเข้าระบบแน่นอน ก่อนลุยน้ำ ควรประเมินและดูอย่างรอบคอบ
___________________________________
GPAutoparts (ศูนย์จำหน่ายอะไหล่รถยนต์ครบวงจร)
จัดจำหน่ายโดย บริษัท จีพี โมบิลิตี้ จำกัด (มหาชน)
ปรึกษา/สั่งซื้อ/สมัครตัวแทน : Line id @gpautoparts (มี @) หรือคลิก 👉https://bit.ly/3fO3YMO
ติดต่อเรา :https://www.gpmobility.co.th/contact-us/
ติดตามเรา:https://linktr.ee/gpmobility
เปิดให้บริการ วันจันทร์-เสาร์ เวลา 08:30 น. – 17:30 น.
เบอร์ติดต่อ : 02-941-1222 (Auto),02-579-2882
www.gpmobility.co.th
Post Views: 76