DENSO

TAG – แหล่งรวบรวม ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว สถานการณ์ บทวิเคราะห์ การทดสอบ และ สาระน่ารู้ รวมถึงเป็นสื่อกลางข้อมูลผลิตภัณท์ DENSO

ผ้าเบรค

ผ้าเบรกรถยนต์ ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ ใช้ยี่ห้อไหนดี?

สำหรับรถยนต์ทุกคัน ระบบเบรกถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นที่จะต้องได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องไม่ต่างกับส่วนอื่น ๆ เพราะมีหน้าที่ทำให้รถชะลอความเร็วหรือหยุดได้อย่างปลอดภัย และชิ้นส่วนที่เจ้าของรถสามารถตรวจเช็กด้วยตัวเองได้ก็คือ ผ้าเบรก ซึ่งเสื่อมสภาพได้ตามระยะเวลาและลักษณะการใช้งาน ระบบเบรกและการทำงาน ขั้นแรกมาทำความรู้จักกับระบบเบรกของรถยนต์กันก่อน ซึ่งปัจจุบันที่ใช้งานกันมากที่สุดมีอยู่ 2 ประเภท คือ ดิสก์เบรกและดรัมเบรก ดิสก์เบรก คือ ระบบเบรกที่อยู่ในรถยนต์เกือบทุกยี่ห้ออยู่ที่ว่าจะใช้ดิสก์เบรกแค่ 2 ล้อหน้า หรือทั้ง 4 ล้อ ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแบรนด์นั้น ๆ ดิสก์เบรกจะประกอบด้วย จานเบรก, คาลิปเปอร์เบรก และผ้าเบรก ในส่วนของการทำงานทุกครั้งที่เรากดแป้นเบรกน้ำมันไฮดรอลิกในคาลิปเปอร์จะดันผ้าเบรกแต่ละแผ่นเข้าไปที่จานเบรก ทำให้เกิดแรงเสียดทานขึ้น ช่วยให้รถชะลอความเร็วลงและหยุดรถได้อย่างปลอดภัย ดรัมเบรก คือ ระบบเบรกแบบปิดที่ใช้ในรถยนต์หรือรถอื่น ๆ ช่วงแรกเริ่ม ซึ่งปัจจุบันยังพบเห็นได้ในรถยนต์ และรถบรรทุก ดรัมเบรกประกอบด้วย ผ้าเบรกทรงโค้ง, ก้ามปูเบรก หรือ ฝักเบรก, สปริง และลูกสูบที่ต่อ

ปัญหาที่พบบ่อยในระบบแอร์รถยนต์

3 ปัญหา ที่พบบ่อยในระบบแอร์รถยนต์และวิธีการแก้ไข

ระบบปรับอากาศ หรือที่เราเรียกกันโดยทั่วไปว่า “ระบบแอร์” นั้นนับเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่อยู่ภายในรถยนต์ทุกคันและทุกประเภท ระบบแอร์จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ภายในห้องโดยสารรถยนต์ โดยหลัก ระบบแอร์ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ความเร็วลม และความสะอาดของอากาศ ทำให้สภาวะอากาศภายในห้องโดยสารมีความเหมาะสมแก่ผู้โดยสาร ระบบแอร์ประกอบไปด้วยอุปกรณ์หลักที่สำคัญต่างๆ ดังนี้ 1. Compressor (คอมเพรสเซอร์) 2. Condenser (แผงคอยล์ร้อน) 3. Expansion valve (วาล์วลดแรงดัน) 4. Evaporator (คอยล์เย็น) การทำงานของระบบแอร์จะมีสารทำความเย็น หรือ refrigerant ภายในระบบที่อยู่ในสถานะของแก๊ส ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนความร้อนภายในระบบแอร์ เพื่อปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามที่ผู้โดยสารต้องการ  เมื่อรถยนต์มีการใช้งานไปนานๆ ไม่ว่าจะเป็น 5 ปี 10 ปี ระบบแอร์ย่อมมีการสึกหรอหรือเสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งาน เราจึงจำเป็นที่จะต้องบำรุงรักษา และ ซ่อมอย่างถูกวิธี 3 ปัญหา ที่พบบ่อยในระบบแอร์รถยนต์และวิธีการแก้ไข 1. แอร์ไม่เย็น แอร์ไม่เย็นเลย สาเหตุ: สารทำความเย็นไม่เพียงพอ หรืออุปกรณ์เกิดการรั่ว

อะไหล่และอุปกรณ์_เสริมความปลอดภัยช่วงหน้าฝน

อะไหล่และอุปกรณ์ เสริมความปลอดภัยช่วงหน้าฝน

การขับขี่ช่วงหน้าฝน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ เนื่องจากถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ชัดเจน จะต้องขับขี่อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้ อุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญ วันนี้ GP Autoparts จึงมาแนะนำอะไหล่และอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมความปลอดภัยช่วงหน้าฝน เพื่อเตรียมความพร้อมกับหน้าฝนในปีนี้กันครับ 1. ยางรถยนต์ ดอกยางรถยนต์นั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการรีดน้ำ เพื่อไม่ให้รถเกิดอาการเหินน้ำและอุบัติเหตุได้ ดังนั้นความลึกของดอกยางนั้น จะต้องไม่ต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร เช่นนั้นจะเป็นอันตรายหากต้องขับรถหน้าฝน ควรรีบเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ทันที ไม่ควรเติมลมยางให้แข็งหรืออ่อนจนเกินไป ควรเติมลมยางเผื่อจากมาตรฐานเดิมไว้สักประมาณ 1-2 ปอนด์ เพื่อให้ร่องดอกยางรถมีการขยายตัว ช่วยให้รีดน้ำออกจากหน้ายางได้ดีขึ้น 2.หลอดไฟสำรอง ควรมีหลอดไฟสำรองติดรถไว้อย่างน้อย 1-2 หลอด เพราะแสงสว่างเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการขับขี่รถยนต์เพื่อที่จะช่วยในการมองเห็นโดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน หากหลอดไฟขาดกระทันหัน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ 3. ใบปัดน้ำฝน ใบปัดน้ำฝนเป็นสิ่งสำคัญมากในช่วงหน้าฝน

5 สัญญาณเตือน ช่วงล่างมีปัญหา

สัญญาณบ่งบอกให้รู้เมื่อ ช่วงล่างมีปัญหา รถยนต์นั้นมีหลายชิ้นส่วนประกอบกัน ต่างก็มีความสำคัญและหน้าที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะช่วงล่างรถยนต์มีส่วนสําคัญในการควบคุมอาการของรถยนต์  ควรหมั่นสังเกตและตรวจสอบช่วงล่างรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ อาการผิดปกติของช่วงล่างมีหลายแบบ ยิ่งใช้รถมากเท่าไหร่ ช่วงล่างรถยนต์ก็จะค่อยๆ เสื่อมสภาพตามไปเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่จำเป็นต้องลุยน้ำ ลุยโคลนบ่อยๆ คุณผู้ขับอาจสังเกตถึงการตอบสนองที่ผิดปกติของช่วงล่างรถบ้าง ซึ่งหากเห็นและแก้ไขทัน จะช่วยให้ขับรถได้อย่าง ปลอดภัย แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมด้วย! แล้วอาการแบบไหนถึงจะเป็นสัญญาณไม่ดี? บ่งบอกว่าช่วงล่างมีปัญหา อาทิเช่น ขณะขับรถอยู่นั้น ตัวรถมีอาการเด้งขึ้น-ลงอยู่เกือบตลอดเวลาที่ขับรถ สัญญาณแบบนี้เดาว่าตัวสปริง หรือโช้กอัพอาจมีปัญหา แนะนําให้นํารถไปให้ช่างรถช่วยตรวจดู เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถ หรือขับรถแล้วรถเกิดอาการสั่นแปลกๆ อาการอย่างนี้อาจจะสามารถแก้ได้ ด้วยการถ่วงล้อ การถ่วงล้อเป็นการทําให้น้ําหนักล้อสมดุลกัน รถที่มีน้ำหนักล้อ สมดุลก็จะควบคุมได้ง่ายและไม่เกิดอาการสั่นหรือแกว่ง หากเกิดเสียงดังผิด

กรองแอร์ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย

กรองแอร์จะช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความชื้นสะสมจนเกิดกลิ่นอับ ซึ่งเป็นแหล่งเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ และยังส่งผลให้แอร์ในรถยนต์นั้นไม่เย็นเท่าที่ควรหากใช้งานในระยะเวลานาน ฝุ่นละอองจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง และกัดกร่อนเกิดเป็นรูรั่วขนาดใหญ่ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ต่ำลงอีกด้วย กรองแอร์รถยนต์ ควรจะเปลี่ยนทุกๆ 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร หรือหากใครขับรถบนสภาพถนนที่มีฝุ่นมาก ก็อาจจะต้องเปลี่ยนกรองแอร์เร็วกว่าปกติ วิธีเปลี่ยนกรองแอร์ด้วยด้วยเอง 1.เปิดช่องเก็บของใต้คอนโซล 2.เปิดล็อกด้านในช่องเก็บของทั้ง 2 ข้าง 3.หลังดึงช่องเก็บของออกมา จะสังเกตด้านในมีช่องใส่กรองแอร์อยู่ 4.ถอดแผงปิดกรองแอร์ แล้วค่อย ๆ ดึงกรองแอร์ตัวเก่าออก ระวังฉีกขาดเนื่องจากกรองแอร์ทำด้วยกระดาษ 5.ใส่กรองแอร์ตัวใหม่เข้าไปทิศทางเดิม โดยสังเกตสัญลักษณ์ข้างกรองแอร์ 6.ปิดแผงกรองแอร์ และใส่ช่องเก็บของให้เรียบร้อย สั่งซื้อกรองแอร์แบรนด์แท้ราคาพิเศษได้ตลอดเดือน พฤษภาคม 2566 ได้ที่ LINE: @g.p.autoparts (มี @) หรือคลิ๊ก ???? ___________________________________ GPAutoparts (ศูนย์จำหน่ายอะไหล่

7 วิธีดูแลแอร์รถยนต์ ช่วงหน้าร้อน

ระบบปรับอากาศ อากาศร้อนระอุ อุณหภูมิพุ่งขึ้นสูงถึง 40 องศา สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือ “แอร์รถยนต์” เพราะหากหากแอร์รถยนต์เกิดเสียหรือไม่เย็นในสภาพอากาศแบบนี้คงจะแย่ไม่น้อย และการเปิดกระจกขับรถอาจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะนอกจะร้อนมากๆแล้วจะทำให้สูดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ รวมถึง ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย  วันนี้ G.P.Auto Parts จึงพามาดูวิธีดูแลแอร์รถยนต์ กันครับ 7 วิธีดูแลแอร์รถยนต์ 1.ก่อนเราสตาร์ทเครื่องยนต์ เราควรจะปิดสวิซแอร์ทุกครั้ง เพราะจะช่วยไม่ให้คอมเพรซเซอร์ ทำงานในทันที ควรให้เครื่องได้วอร์มซักพักแล้วค่อยเปิดแอร์ 2.หากสตาร์ทรถในตอนเช้า เราควรเปิดสวิตซ์พัดลมก่อน โดยปิดปุ่ม A/C ไว้ ให้ลมไล่ความชื้นในตู้แอร์ ซักพักจึงเปิดปุ่ม A/C จะช่วยลดกลิ่นอับในตู้แอร์ และช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้แอร์ด้วย 3.ไม่ควรตั้งอุณหภูมิที่เย็นเกินไป เพราะจะทำให้คอมเพรชเชอร์ทำงานหนัก ควรปรับอุณหภูมิที่กำลังพอดี 4.เมื่อนำรถจอดตากแดดเป็นเวลานานๆก่อนใช้รถควรเปิดลมเปล่าให้แรงสุดโดยปิดสวิตช์ A/C เพื่อไล่ความร้อนที่มีอยู่ในระบบแอร์ออกเสียก่อนแล้วจึงค่อยเปิดสวิตช์ A/C 5.ไม่ควรเปิดกระจกขับรถบ่อยเพราะ

7 วิธีดูแลรถยนต์ หลังจากใช้งานหนัก

การดูแลรถหลังกลับจากท่องเที่ยว หลังจากใช้รถในการเดินทางท่องเที่ยวกันมาอย่างเต็มที่ การดูแลหลังกลับมาจากท่องเที่ยว หรือเดินทางไกลก็ไม่ควรมองข้ามนะครับ เพราะจะช่วยทำให้สามารถยืดอายุการใช้รถ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย วันนี้ G.P.Auto Parts พามาดู ” 7 วิธีดูแลรถยนต์ หลังจากเดินทางไกล” กันครับ 1. ภายนอกของรถยนต์ สังเกตว่าตัวรถหรือสีของรถ มีรอยหรือสิ่งแปลกปลอมอย่าง ขี้นก รอยหินกระเด็นใส่ ขี้โคลน หรือสิ่งอื่นๆติดมาบ้างไหม หากมีก็ให้รีบล้างทำความสะอาด อาจหาน้ำยาขัดทำความสะอาด เพราะถ้าปล่อยไว้นานอาจเกิดปัญหากับสีรถของเราได้ จากนั้นตรวจเช็กอีกรอบ หากรอยไม่หายไป จะได้แก้ไขได้ทัน 2. ภายในของรถยนต์ แน่นอนว่าการเดินทางไกลๆ ยังไงก็ต้องมีการนำอาหารขึ้นไปทานระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นขนม น้ำ หรือข้าวกล่อง ดังนั้นอาจมีเศษอาหาร เศษขนมตกหล่นในรถ ซึ่งอาจทำให้ภายในรถมีเชื้อโรค มีกลิ่นเหม็น เพราะฉะนั้นหลังจากกลับมาจากไปเที่ยวแล้ว ควรรีบจัดการเคลียร์เศษอาหารพวกนี้ให้ออกให้เร็วที่สุด โดยถอดพรมออกมาดูดฝุ่นทำความสะอาด อาจทำเอง หรือจะพาเข้าคาร์แคร์ก็ได้ 3. ระบบเบรค หลังจากเดิน

เช็คจุดอับสายตา ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

ต้องระวังอะไรบ้าง จุดอับสายตา เสาเอ เสาที่ติดตั้งกระจกคู่หน้า ด้วยความหนาของเสาเอที่อยู่ด้านข้างสายตาเวลาขับรถ จังหวะเลี้ยวรถ กลับรถ จึงต้องระวัง เพราะเสาเอบังจนทำให้มองไม่เห็นรถคันอื่นๆ วิธีแก้ไข: – ปรับเบาะนั่งไม่ให้สูงจนเกินไป โดยให้ระดับศีรษะผู้ขับ กับเพดานรถมีความห่างประมาณ 6 นิ้ว – โยกศีรษะ เอียงศีรษะ มองข้ามเสาเอไปดูให้ปลอดภัยก่อนเลี้ยวรถ กลับรถ จุดอับสายตากระจกมองข้าง ระวังจังหวะรถคันข้างๆ ขับขึ้นมาตีคู่กับรถของเรา เป็นจุดที่อยู่นอกเหนือจากองศาการมองเห็นของกระจกที่เราปรับไว้ วิธีแก้ไข: ปรับกระจกให้มองได้มุมกว้างที่สุด เห็นด้านข้างตัวรถ พื้นผิวถนน เส้นแบ่งเลน ไม่ควรจะสูงเกินไป จุดอับสายตา กระจกมองหลัง – ไม่ควรวางของซ้อนกันที่คอนโซลหลังรถ – ระวัง!! จังหวะแซง เปลี่ยนเลน ถอยรถ มองไม่เห็นสถานการณ์ด้านหลังรถ วิธีแก้ไข: ปรับให้มองเห็นกระจกหลังรถได้ทั้งบาน จุดอับสายตาจากการขับตามหลังรถคันที่ใหญ่กว่า หรือ ขับตามหลังรถบรรทุก – ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นจะเหลือน้อยมาก มองไม่เห็นสถานการณ์ด้านหน้า – เว้นระยะห่างให้เหมาะสม ในระยะที่มองเห็นรถเลนที่สวนทางมาได้ – ระวัง!! ห้ามแซงซ้ายขึ้นไป เพราะ

5 วิธี รับมือเครื่องยนต์ Overheat

เครื่องยนต์ Overheat (โอเวอร์ฮีท) คือ รถที่มีความร้อนเกินกว่าระดับปกติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน วาล์วน้ำไม่ทำงาน สายพานขาด หม้อน้ำอุดตัน ท่อยางหม้อน้ำแตกหรือรั่ว ฝาหม้อน้ำเสื่อมสภาพ เป็นต้น 5 วิธี รับมือเครื่องยนต์ Overheat 1. เมื่อสังเกตเห็นว่ารถเริ่ม Overheat ให้นำรถไปจอดข้างทาง ปิดแอร์ รอให้ความร้อนลดลงก่อนแล้วจึงค่อยดับเครื่อง     คำเตือน ไม่ควรดับเครื่องทันที เพราะขณะที่เครื่องยนต์ร้อนจัดโลหะต่างๆจะยืดขยายสูง หากดับเครื่องฉับพลันจะเกิดการหดตัวของโลหะบางอย่างจนทำให้ วาล์วหรือฝาสูบโก่ง หรือเครื่องยนต์พังได้ 2. แต่หากพักเครื่อง ปิดแอร์แล้วซัก 10 นาทีเครื่องยังไม่เย็นลง แสดงว่ามีปัญหากับหม้อน้ำหรือวาล์ว ให้ดับเครื่องทันที 3. เปิดหม้อน้ำ โดยหาผ้าหนาๆ ชุบน้ำให้เปียกชุ่ม โปะลงไปที่ฝาหม้อน้ำ เอามือประกบทับลงบนผ้าจุดที่มีฝาหม้อน้ำอยู่ด้านล่าง ค่อยๆคลายฝาหม้อน้ำทีละนิด ให้แรงดันไอน้ำค่อยๆระบายออก จนกระทั่งหมดแรงดัน จึงคลายออกให้สุด จับฝาหม้อน้ำยกขึ้นมาดูน้ำภายในหม้อน้ำได้     คำเตือน ห้าม!เปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ร้อนเด็ดขาด ไม่ควรราดน้ำลงบนเครื่องยนต์เพรา